เลสหลวงพ่อรวย
Lifestyle

เปิดประวัติหลวงพ่อรวย วัดตะโก

ถ้ากล่าวถึงหลวงพ่อรวย หลายคนก็จะรู้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีลูกศิษย์อยู่ทั่วทุกมุมประเทศไทย ซึ่งมีคนกราบสักการะขอพรเสริมความมั่งคง มั่งคั่ง มีเงินทองไหลมาเทมา และค้าขายร่ำรวย ก่อนที่จะไปบูชา วันนี้จะมาบบอกถึงประวัติหลวงพ่อรวย เกจิอาจารย์จากวัดตะโก พระนครศรีอยุธยากันเลย หลวงพ่อรวย วัดตะโก (ธันวาคม พ.ศ. 2464 -19 กรกฎาคม 2560) เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้สืบทอดความรู้มาจากพระคณาจารย์รุ่นก่อน ด้วยนามอันเป็นมงคลสูงและศีลาวัตรปฏิบัติอันงดงาม ควรแก่การศรัทธาและเคารพอย่างยิ่ง ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก หลวงพ่อชื้น (พระครูสุนทรธรรมนิวิฐ) อดีตเจ้าอาวาสวัดภาชี ผู้ก่อตั้งโรงเรียนภาชี “สุนทรวิทยานุกูล” ลูกศิษย์สายตรงของ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ (ปรมจารย์ด้านมีดหมอสายภาคกลาง) และเป็นหนึ่งในบุคคลที่กล่าวถึงในสมัยอยุธยาเป็นราชธานีในวันที่ และเสียกรุงให้กับพม่า และ กลับมาเป็นราชธานีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือว่า พระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์รวมของแม่น้ำ และมีความเชื่อกับสิ่งของโบราณ และสถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขนาดพระคณาจารย์ชื่อดัง ยังมีอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะ พระเกจิอาจารย์ใช้สถานที่ฝึกตำราพิชัยสงคราม สรรพวิชาต่าง ๆ มากมาย ตำรับสายเวทในวัดประดู่ทรงธรรม หลวงพ่อรวยมีฌานสมาธิอันแก่กล้าในกรรมฐาน ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อเรียนวิชาให้รวดเร็ว จึงมีความเข้มขลังในวิทยาคมมาก ดังปรากฏการณ์มหัศจรรย์หลายอย่าง…

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic
Lifestyle

เรื่องที่ “ต้องห้าม” ของบุหรี่ไฟฟ้าที่ควรรู้

                บุหรี่ไฟฟ้านั้นเชื่อว่าหลากหลายคนนั้น กำลังกลายเป็นที่รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้านั้น  เชื่อว่าหลากหลายคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ และ เชื่อว่าหลากหลายคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่า เรื่องของบุหรี่ไฟฟ้านั้น มีเรื่องที่จะต้องรู้ด้วยเช่นกัน และ หลากหลายคนนั้น อาจจะยังไม่รู้ว่าในการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีเรื่องที่จะต้องรู้ด้วยเช่นกัน  มาลองดูในเรื่องของ “เรื่องที่ต้องห้ามของบุหรี่ไฟฟ้า” กันว่าจะมีเรื่องอะไรที่เรานั้นจะรู้บ้าง ห้ามเติมน้ำยา กับเรื่องที่ต้องเข้าใจ             อย่างแรกเลยนั้นคือในเรื่องของ “การเติมน้ำยา” นั้นหลากหลายคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่า  บุหรี่ไฟฟ้านั้นมีน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบ freebase  ซึ่งน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านั้น ถ้าหากว่าเติมน้ำยา ผิดประเภทเข้าไปนั้นอาจจะทำให้ Pod บุหรี่ไฟฟ้าของเรานั้นเสียหายได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะต้องระมัดระวังในเรื่องนี้อย่างมาก เพื่อที่จะทำให้ Pod ของเรานั้นมีอายุการใช้งานที่มากขึ้นอย่างมากนั้นเอง ชาร์ตแบตเตอรี่ นานเกินไป                 ในเรื่องของการชาร์ตแบตเตอรี่นั้นเป็นอีกหนึ่งในเรื่องที่สำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน  ซึ่งการที่เรานั้นชาร์ตแบตเตอรี่นานเกินไป นั้นจะส่งผลให้ในการใช้งานนั้น Pod ของเรานั้นมีอายุการใช้งานที่สั้นลงอย่างมาก ซึ่งอาจจะทำให้แบตเตอรี่นั้นมีอายุการใช้งานที่ลดลงอย่างมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นอย่าพยายามชาร์ตแบตเตอรี่ที่นานเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้อายุการใช้งานของ Pod เรานั้นสั้นลง ห้ามแกะ หรือ แงะ Pod             อีกเรื่องที่สำคัญอย่างมากเลยนั้นคือในเรื่องของ “การแงะ…

ขนส่งสินค้าจากจีน
Lifestyle

ขนส่งสินค้าจากจีนต้องมีอะไรบ้าง

หลายคนคงได้ทำความรู้จกเกี่ยวกับการสั่งของจากจีนกันมาบ้างแล้ว ซึ่งในกระบวนการสั่งของนั้นคงไม่ยากเพียงแค่ค้นหาแล้วกดเลือกสินค้าที่ต้องการ แต่จะมายากก็ตรงที่กระบวนการทางเอกสารเพื่อขนส่งสินค้าจากจีน ซึ่งบางคนเป็นมือใหม่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในด้านนี้ ทำให้การขนส่งสินค้าจากจีนนั้นสะดุด วันนี้มาดูกันดีกว่าว่าในการขนส่งสินค้าจากจีนนั้นต้องมีเอกสารอะไรบ้าง ใบขนสินค้าขาเข้าหรือเอกสารอื่นที่ให้ใช้แทนใบขนสินค้าขาเข้า ซึ่งใบขนสินค้าขาเข้าหรือเอกสารอื่นที่ให้ใช้แทนใบขนสินค้าขา กรมศุลกากรจะเป็นผู้กําหนดให้ผู้นําเข้าใช้สําหรับพิธีการศุลกากร มีดังนี้  1.1 ใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค้าเพิ่ม (กศก. 99/1) ใช้สําหรับการนําเข้าสินค้าทั่วไปทุกประเภท (ยกเว้นสินค้าที่กรมศุลกากรกําหนดให้ใช้ใบขนฯ ประเภทอื่น) 1.2 คำร้องขอผ่อนผันรับของ-ส่งของออกไปก่อน (กศก. 103) ใช้สำหรับการนำเข้า-ส่งออกสินค้าก่อนปฏิบัติพิธีการตามที่กรมศุลกากรกําหนด 1.3 แบบ A.T.A. Carnet เอกสารศุลกากรระหว่างประเทศ ที่ใช้ใน การผ่านพิธีการศุลกากรแทนใบขนสินค้าขาเข้าชั่วคราว ใช้สําหรับการนําเข้าหรือส่งออกสินค้าชั่วคราวประเภทต่าง ๆ ตามที่ระบุในอนุสัญญา 1.4 ใบขนสินค้าถ่ายลํา(ใบแนบ 9)(แบบที่ 379) ใช้สําหรับพิธีการศุลกากรสินค้าถ่ายลํา 1.5 ใบขนสินค้าผ่านแดน (แบบที่ 448) ใช้สําหรับพิธีการศุลกากรสินค้าผ่านแดนตามความตกลงที่ประเทศไทยทําไว้กับประเทศต่างๆ  เอกสารที่ใช้เป็นข้อมูลในการจัดทําใบขนสินค้าขาเข้า 2.1 ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading : B/L หรือ Air Waybill : AWB…

ศูนย์ดูแลผู้ป่วย
Lifestyle

หลักการเลือก “ศูนย์ดูแลผู้ป่วย” ที่เราไว้ใช้เลือกสำหรับคนที่เรารัก

ปัจจุบันนั้นผู้ป่วยนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่งสำหรับผู้ป่วยที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อาจจจะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่สำหรับผู้ป่วยที่ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด หรือ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ นั้นเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้ป่วย นั้นอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแต่ว่าสำหรับใครที่กังวลว่าจะเลือกศูนย์ดูแลผู้ป่วยไม่ได้นั้นในบทความนี้เราได้นำวิธีการเลือก ศูนย์ดูแลผู้ป่วย มาไว้ใช้ในการพิจารณากันแล้วครับ  โรงพยาบาลที่ใกล้   อย่างแรกที่เราควรจะเลือกเลยนั้นคือ เลือกจากโรงพยาบาล ที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ก่อนเพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นอย่างน้อยการมีโรงพยาบาลไว้ในระยะทางที่ใกล้นั้นจะดีกว่าแน่นอน ดังนั้นเราควรเลือกจากจากสถาณพยาบาลเป็นหลักไว้ก็ได้นะครับ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นจะได้แก้ปัญหาได้ทัน  เดินทางสะดวก   อีกข้อที่เราควรรู้ไว้นั้นคือ การเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัว หรือ รถ ประจำทางเองเราควรจะเลือกจากความสะดวกสบาย และ ปลอดภัยในการเดินทางไว้ก่อน ดังนั้นควรเลือกศูนย์ดูแลผู้ป่วย ที่มีการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย เดินทางง่าย สำหรับคนอื่นที่ต้องการมาด้วยนะครับ   ค่าบริการ  อีกข้อที่สำคัญนั้นคือในเรื่องของค่าบริการ นั้นเราควรสอบถามให้ดี ว่าเราจะสามารถมีรายยจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ ซึ่งรายจ่ายในการเลือกใช้บริการ ศูนย์ดูแลผู้ป่วย นั้นค่อนข้างจะไม่สูง และมีบริการที่ถูกด้วยดังนั้นเราควรเลือกศูนย์ดูแลผู้ป่วย ที่เหมาะและเราสามารถจ่ายค่าบริการได้ด้วยนะครับ   อุปกรณ์ที่ครบครัน  อีกข้อที่สำคัญนั้นคือ อุปกรณ์การดูแลผู้ป่วยนั้นควรครบครันไว้ก่อน ถึงแม้ผู้ป่วยของเราจะไม่ต้องใช้ก็ตาม แต่ถ้าหากมีอุปกรณ์ที่ครบครันนั้นบ่งบอกถึงมาตรฐานความพร้อมของศูนย์ดูแลผู้ป่วยนั้น ๆ ว่าพร้อมให้บริการในทุก ๆ รูปแบบของผู้ป่วยหรือไม่   ดังนั้นหากเรามีผู้ป่วยและเราไม่สามารถหาเวลาดูผู้ป่วยได้การเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้ป่วยอาจจะตอบโจทย์เราอย่างมากนะครับ แต่ว่าเราก็ต้องเลือกจากหลาย ๆ อย่างด้วยนะครับไม่ใช่เลือกเอาแบบง่าย ๆ เพราะบางทีเราอาจจะได้ศูนย์ดูแลผู้ป่วยที่ไม่ได้มาตรฐานก็ได้นะครับ 

https://www.bbtoysth.com/
Lifestyle

ซื้อของเล่นที่ bbtoys ที่เดียวจบทุกอย่าง

การให้ลูกได้เล่นของเล่นที่ดี นอกจากจะทำให้ลูกได้ความสนุกสนานในการเล่นแล้ว ยังจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีต่อไปอีกด้วย ของเล่นสำหรับเด็ก จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน แต่ประเด็นสำคัญที่จะทำให้ลูกได้ประโยชน์จากของเล่นเหล่านี้ได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเลือกของเล่นอะไรให้กับลูก ของเล่นมีคุณภาพแค่ไหนด้วย  โดยของเล่นที่จะได้ทั้งประโยชน์และความสนุกไปพร้อมกัน ต้องเป็นของเล่นที่เป็นของเล่นเสริมพัฒนาการเท่านั้น และตัวแทนจำหน่ายของเล่นประเภทนี้ที่มีชื่อเสียงที่สุด ก็คือ bbtoys ที่เป็นตัวแทนหลักในประเทศไทย ที่จำหน่ายของเล่นเสริมพัฒนาการมากที่สุด  ซื้อของเล่นกับ bbtoys ต่างจากร้านอื่นอย่างไร  1.ของเล่นเยอะกว่า  ของเล่นของทางบริษัท bbtoys มีการนำเข้ามาใหม่เรื่อยๆ โดยจะเน้นของเล่นจากทางผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพเท่านั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเด็ก สำหรับของเล่นของทางบริษัท จะจำแนกหมวดหมู่เอาไว้อย่างชัดเจนเลยว่าเด็กวัยไหน ควรจะเล่นของเล่นอะไร มีตั้งแต่ของเล่นเสริมพัฒนาการของเด็กแรกเกิดเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อแล้วผิดพลาด  2.ราคาถูกกว่า  เมื่อเปรียบเทียบของเล่นชิ้นเดียวกัน ระหว่างการซื้อกับทาง bbtoys และร้านค้าอื่นๆ จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่าของเล่นของ bbtoys มีราคาที่คุ้มค่ากว่ามาก ทั้งที่คุณภาพเหมือนกัน ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่มีงบในการซื้อน้อย ก็สามารถซื้อของเล่นกับทาง bbtoys ได้เช่นกัน  เพราะทางบริษัทต้องการอยากจะให้เด็กทุกคนมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ จึงเลือกขายของในราคาประหยัดให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้เท่าเทียมกัน  3.แข็งแรง ทนทาน  ปัญหาของการเล่นของเล่นเด็กก็คือ มักจะเกิดความเสียหายได้ง่าย และจะเป็นอันตรายกับเด็กด้วย แต่ของเล่นของทาง bbtoys ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาในเรื่องนี้เลย เพราะทางบริษัทใช้วัสดุคุณภาพสูง ที่ทนทานต่อแรงกระแทก ไม่ว่าเด็กจะเล่นรุนแรงก็ตาม และเป็นวัสดุอนามัย ไม่เกิดอันตรายกับเด็ก จึงปลอดภัยได้มากกว่าของเล่นธรรดมาทั่วไป  4.สั่งง่าย ได้ไว  การซื้อสินค้ากับทางบริษัท จะเป็นการซื้อผ่านทาง https://www.bbtoysth.com/ เว็บไซต์ได้เลย จึงสะดวกและง่ายต่อการสั่งซื้อ แค่เข้าไปเลือกและกดสั่ง พร้อมกับชำระเงิน ทางเว็บก็จะทำการจัดส่งสินค้าให้ท่านทันที โดยผู้ปกครองสามารถเช็ครายละเอียดได้จากประวัติการสั่งซื้อ…

OMU Menu
Lifestyle

ชิม 5 เมนูข้าวห่อไข่สไตล์ญี่ปุ่นจาก OMU Menu ที่ลองแล้วต้องติดใจ

หากพูดถึงร้านข้าวห่อไข่ที่ได้รับความนิยมมากในบ้านเรา เชื่อว่าต้องมีชื่อของ OMU อยู่ในลิสต์ของใครหลายคน โดยร้านนี้เป็นร้านที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 โดย OMU Menu ที่ขึ้นชื่อแน่นอนว่าคือข้าวห่อไข่ ซึ่งไม่ใช่เพียงข้าวห่อไข่ธรรมดา ๆ เพราะเป็นข้าวห่อไข่สไตล์ญี่ปุ่นที่ผ่านกรรมวิธีพิถีพิถัน จนออกมาเป็นข้าวห่อไข่ที่ลงตัวทั้งหน้าตาและรสชาติ  และสำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารสไตล์นี้ ลองมาดู 5 เมนูที่ไม่ควรพลาดของ OMU เห็นแล้วต้องรีบสั่งแน่นอน 1. ข้าวห่อไข่หน้าหมูชาบูราดซอสแกงกะหรี่ เมนูนี้ขอเอาใจคนที่ชื่นชอบรสชาติเผ็ดร้อนของซอสแกงกะหรี่ ที่บอกเลยว่าเข้มข้นมาก ๆ และยังมาพร้อมรสชาติกลมกล่อมสมคำร่ำลือ และนอกจากซอสแกงกะหรี่แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ของเมนูนี้คือหมูชาบูเนื้อนุ่มละมุนลิ้น จัดมาให้ชิ้นใหญ่เต็มคำ ทำให้ฟินกันเป็นแถว 2. ข้าวห่อไข่ราดซอสกะเพรา แม้จะเป็นร้านอาหารที่ครีเอทหลากหลายเมนูสไตล์ญี่ปุ่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากเอาใจคนไทยด้วยข้าวห่อไข่รสชาติจัดจ้านสไตล์คนไทย นั่นคือ ข้าวห่อไข่ราดซอสกะเพรา ซึ่งแน่นอนว่าจุดเด่นคือการเป็นข้าวห่อไข่ที่นุ่มละมุนลิ้น โดยมีไฮไลท์คือซอสกะเพรารสชาติเข้มข้นที่ถูกตกแต่งด้วยใบกะเพราะและพริกสดด้านบน เพิ่มความน่ารับประทานแบบคูณสอง 3. ข้าวห่อไข่หน้าแซลมอนย่าง ผักโขม และข้าวโพดราดครีมซอส มากันที่เมนูชิล ๆ ที่ไม่เน้นความจัดจ้านกันบ้าง โดยนี่คือเมนูยอดนิยมที่ต้องสั่ง รับประกันว่าจะฟินกับแซลมอนเนื้อแน่น เพราะคัดสรรเฉพาะแซลมอนเกรดพรีเมียม ยิ่งเมื่อทานกับครีมซอสสูตรเฉพาะของร้านยิ่งเข้ากัน และปิดท้ายความฟินด้วยผักโขมและข้าวโพดสดใหม่ สำหรับเมนูนี้ใครกลัวว่าเลี่ยนบอกเลยว่าหมดห่วง เพราะทางร้านปรุงรสมาอย่างกลมกล่อม ทำให้ทานมาก ๆ…

Lifestyle

ประกันภัยรถจ่ายทุกปีแต่ไม่เคยเคลม คุ้มหรือเปล่านะ? แล้วทำไมเราต้องจ่ายต่อไปด้วย

หลายคนเป็นคนที่ตั้งสติและยึดคติไม่ประมาทเสมอในการขับรถทุกครั้ง นั่นทำให้เป็นคนที่ขับได้ดีไม่เคยขับไปเฉี่ยวใครหรือชนใครเลย ซึ่งถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ขับรถดีมีวินัย ไม่เคยต้องหนักใจเรื่องเคลมประกัน คุณคงเกิดคำถามในใจว่าที่ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจไป และต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเนื่องทุกปี แบบนี้จะคุ้มหรือเปล่านะ เพราะถ้าไม่ทำต่อก็จะประหยัดเงินไปได้เยอะ แต่ครั้งนี้เราจะมาบอกคุณว่าทำไมคุณควรทำประกันต่อไป แม้จะไม่เคยเคลมเลยก็ตาม อุบัติเหตุบางครั้งไม่เกิดขึ้นเพราะตัวเรา การขับขี่กับอุบัติเหตุนั้นเป็นสิ่งที่จะมาเป็นคู่ขนานกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแค่ถ้าวันหนึ่งเราโชคไม่ดี 2 เรื่องนี้ก็จะมาบรรจบกัน กลายเป็นความเสียหายที่เราต้องหนักใจ การเกิดขึ้นของอุบัติเหตุในการขับขี่นั้นเกิดขึ้นได้ 2 ทาง คือ เราเป็นสาเหตุ อาจจะเพราะเราประมาทพลาดพลั้งหรือขาดสติ คนอื่นเป็นสาเหตุ ก็เช่นกันอาจเพราะอีกฝ่ายประมาทพลาดพลั้งหรือขาดสติ หากเรามั่นใจว่าเราขับรถดีแน่นอน กรณีแรกก็ตัดไปได้ แต่กรณีที่ 2 นั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมบังคับไม่ให้เกิดขึ้นได้ นั่นหมายความว่าโอกาสที่ผู้อื่นจะมาชนเราก็เป็นไปได้เสมอ และในเมื่ออีกฝ่ายมาชนเรา ถ้าเราไม่มีประกันภัยรถเอาไว้ เราก็จะไม่ได้ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม ดังนั้น แม้เราจะขับรถไม่ประมาทก็ไม่ได้แปลว่า จะรอดจากอุบัติเหตุได้เสมอไป อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นจากผู้อื่นก็ได้ ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม เป็นความคุ้มค่าของการทำประกันภัยรถ หากเกิดกรณีที่กล่าวข้างตน คือ เขามาชนเรา เราเป็นฝ่ายถูก รถอีกคันเป็นฝ่ายผิด ถ้าเรามีประกันภัยรถ เราก็จะได้รับค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม ซึ่งนั่นก็คือ ค่าสินไหมที่เราจะได้รับจากบริษัทประกันกรณีที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด หลายคนเข้าใจว่าการทำประกันรถแบบภาคสมัครใจนั้นจำเป็นต้องทำไว้ในกรณีที่เราจะขับไปชน หรือเราเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเสียหายเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว กรณีที่เราไม่ผิด เขาขับมาชนเรา เราก็สามารถขอเคลมเป็นค่าสินไหมชดเชยที่เรียกว่าค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมนี้ได้ เพราะถ้าไม่ขอเคลมเราจะต้องออกเงินค่าซ่อมเองไปก่อนระหว่างรอบริษัทประกันของคู่กรณีมาจ่ายให้เรา…